Tuesday, March 22, 2011

Singapore Day 2 - เดินเล่นชมวิวยามบ่าย - ค่ำ


อาทิตย์ 23 มกราคม 2554...วันนี้เป็นวันที่สองที่อยู่ในสิงคโปร์ ตื่นสายหน่อยเพราะเมื่อคืนเดินเที่ยวรอบอ่าวจนถึงเที่ยงคืนจนขาลาก อาหารเช้าก็ทานแบบง่ายๆ ประหยัดและอร่อย นั่นก็คือขนมปังรส Banana Walnut ที่ซื้อมาเมื่อคืน อร่อยมากเลย ทานอิ่มแล้วก็ถ่ายรูปวิวจากระเบียงห้องพักเสียหน่อย อากาศวันนี้ไม่ค่อยแจ่มใส แต่วิวก็ยังดูสวยเหมือนเดิม

ออกจากห้องพักก็เดินลงไปที่สถานี MRT ที่ City Hall ก่อนเลยเพื่อไปซื้อบัตร EZ-Link เพราะวันนี้คิดว่าคงจะได้ใช้บริการรถไฟใต้ดิน MRT แต่สุดท้ายวันนี้ก็ไม่ได้ใช้เพราะเดินชมวิวไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อนอะไร

เข้าคิวต่อแถวซื้อบัตรค่อนข้างนานเหมือนกัน แถวค่อนข้างยาวและเคลื่อนตัวได้ช้าเพราะแต่ละคนคงจะเป็นนักท่องเที่ยวเพราะแต่ละคนถามกันหลายคำถามมาก บางคนเข้าแถวต่อคนเดียวแต่ซื้อหลายใบก็มี ทำให้ต้องรอคิวนาน หิวก็หิวเพราะใกล้เที่ยงแล้ว แต่ไหนๆ ก็เข้าคิวไปแล้ว ก็ซื้อให้เสร็จเรียบร้อยในวันนี้ไปเลยแล้วกัน

ซื้อบัตร EZ-Link 2 ใบ ใบละ $12 แต่มูลค่าบัตรใช้ได้จริงแค่ $7 เพราะโดนหักค่าธรรมเนียมบัตรใบละ $5 มีอายุการใช้งาน 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ สามารถเติมเงินในบัตรได้ และยังสามารถนำไปใช้จ่ายตามร้านบางแห่งได้อีกด้วย

พอซื้อเสร็จแล้ว เหลือบไปเห็นป้าย "No durains" เข้า เห็นแล้วขำดีที่มีป้ายห้ามนำทุเรียนขึ้นบนรถไฟใต้ดิน เลยถ่ายภาพมาเป็นที่ระลึกเสียหน่อยเพราะไม่เคยเห็นป้ายห้ามแบบนี้มาก่อนเลย ใครฝ่าฝืนโดนปรับ $500 แพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะเนี่ย แต่วันที่นั่งรถไฟกลับสนามบิน มีคนฝ่าฝืนเพราะได้กลิ่นทุเรียนเตะจมูกเข้าอย่างจัง กลิ่นมันแรงมาก อาจจะเป็นเพราะสาเหตุนี้หรือเปล่าจึงห้ามนำทุเรียนขึ้นรถไฟ ใครทราบเหตุผลที่แท้จริง ช่วยตอบด้วยนะคะ

ซื้อบัตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เดินไปหาอาหารกลางวันอร่อยๆ ทานที่ศูนย์อาหารราคาประหยัดที่ Food Terrace ใน Suntec City มีร้านอาหารให้เลือกมากมาย เห็นมีร้านอาหารไทยด้วย น่าจะเป็นคนไทยแท้ๆเป็นเจ้าของเพราะเห็นมีพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงแขวนบนฝาผนังอยู่ด้วย

ไม่ได้อุดหนุนอาหารไทยเพราะอยากทานข้าวมันไก่สิงคโปร์ เห็นมีอยู่ร้านหนึ่งไม่มีชื่อป้ายร้าน มองเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เห็นแต่ป้าย Hainanese Chicken Rice อย่างเดียว เลยเข้าไปซื้อ ราคาประมาณ $3-$5 ต่อจาน อาหารอร่อยใช้ได้เลยค่ะ ไม่ได้ทานกับน้ำจิ้มอะไรเพราะให้ตักเอาเอง เห็นมีอยู่ 3 ชนิด เลยทานแบบไม่มีน้ำจิ้มดีกว่า ขนาดไม่ได้ทานกับน้ำจิ้ม รสชาติของเนื้อไก่ก็อร่อยในตัวอยู่แล้วค่ะ

จานไก่ที่ซื้อมานี้มีชื่อว่า Hainanese Chicken with Bean Curds ราคา $4.80 ทางร้านราดน้ำจิ้มลงบนเต้าหู้มาให้เลย รสชาติออกเผ็ดๆ อร่อยดีค่ะ

จานนี้เอาแบบไก่ต้มธรรมดา หนังจึงออกเป็นสีขาว รสชาติของเนื้อไก่อร่อยกลมกล่อมอยู่ในตัว ไม่ต้องราดน้ำจิ้มอะไรเลยก็อร่อยแล้วค่ะ มื้อนี้ซื้อน้ำมะม่วงปั่นแบบสดๆ จากร้านในนั้น ราคาค่อนข้างแพงประมาณ $4 ต่อแก้ว รสชาติมะม่วงแบบปั่นสดๆ ไม่อร่อยเลยค่ะ เปรี้ยวเกินไป ไม่มีความหวานอร่อยเลย ผิดหวังสุดๆ เพราะราคาก็แพงแถมยังไม่อร่อยอีก คงไม่ซื้อจากร้านนี้อีกถ้าได้ไปเยือนสิงคโปร์อีกครั้ง

ทานอิ่มแล้วก็เดินขึ้นไปข้างบนเพื่อถ่ายรูป Fountain of Wealth น้ำพุแห่งความมั่งคั่งตอนกลางวันเสียหน่อย สวยดีค่ะ

จากนั้นก็เดินย้อนกลับไปเพื่อไปชมโรงแรมหรูชื่อดัง Raffles Hotel เสียหน่อย จริงๆ เราสองคนจะพักที่นี่ก็ได้เพราะจะได้เรทพิเศษเหมือนกัน แต่ก็ยังถือว่าแพงเอาเรื่องอยู่ เลยพักที่ Swissotel the Stamford ดีกว่า ราคาพิเศษที่ได้ถูกกว่าเยอะ

ภาพข้างล่างนี้เป็นตึกสูงสีขาวประมาณ 71 ชั้นของโรงแรมที่พักที่ Swissotel the Stamford ค่ะ เราพักกันอยู่ที่ชั้น 48 สูงมากเพราะมองลงมาเห็นรถ เห็นคนเหมือนเมืองจำลองขนาดเล็กเลยค่ะ 

ระหว่างทางเห็นรถสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกของ Duck Tour เลยถ่ายรูปมา 1 ภาพ

ริมทางหน้าโรงแรม Raffles

และแล้วก็ถึงที่ Raffles Hotel ดูสวยหรูจากข้างนอก ข้างในโรงแรมไม่สามารถเข้าไปเดินชมได้ถ้าไม่ใช่แขกที่พักของโรงแรม มีป้ายห้ามไว้ค่ะ ด้านหน้าโรงแรมเห็นพนักงานของโรงแรมเป็นชายร่างสูงใหญ่ 2  คน น่าจะเป็นชาวอินเดีย เห็นมีนักท่องเที่ยวขอถ่ายรูปด้วย อ่านเจอมาว่า บุคคล 2 คนนี้เป็นบุคคลที่ถูกขอถ่ายรูปบ่อยที่สุดในสิงคโปร์ค่ะ

เข้าไปเดินชมข้างในโรงแรมแถบ Lobby ไม่ได้ ก็เข้าไปถ่ายรูปตรง Courtyard นี้แทนแล้วกัน  ด้านข้างๆ ของโรงแรมมีร้านหรูๆ ให้ช้อปปิ้ง และมีส่วนที่ให้คนภายนอกเข้าไปนั่งดื่มได้ค่ะ ใครชอบดื่มก็อย่าพลาดที่จะสั่ง Singapore Sling ชื่อดังนะคะ สั่งได้ที่โรงแรม Raffles แห่งนี้ค่ะ

เสร็จแล้วก็เดินไปถ่ายรูปตึกทุเรียน หรือ Esplanade Theatre ตอนกลางวัน ตอนเดินไปที่นี่ เราเดินลอดใต้ถนนเข้าไปค่ะ มีอะไรให้ดูเยอะเหมือนกัน ห้องน้ำก็สะอาดดี


เดินต่อไปเรื่อยๆ เพราะจะไปถ่ายรูป Merlion Park ตอนกลางวัน ในภาพเป็นตึกโรงแรม Marina Bay Sands Singapore

ถ่ายภาพวิวไปเรื่อยๆ มุมนี้เห็นตึกทุเรียน และ Singapore Flyer

ส่วนมุมนี้ก็เป็นวิวของ The Fullerton Hotel โรงแรมหรูอีกเหมือนกัน ไม่รู้ว่าหรูแค่ไหน เพราะไม่ได้เข้าไปชมข้างในค่ะ

มุมนี้ของ Merlion Park

ถึงแล้ว Merlion Park คนเยอะมากสุดๆ มีคู่แต่งงานมาถ่ายภาพที่นี่หลายคู่เลย ตอนที่ไปเห็นมีกลุ่มคนจากเมืองไทยหลายคนถือป้ายรอถ่ายรูปอยู่ คงได้รางวัลมาเที่ยวที่สิงคโปร์กัน โชคดีจังได้เที่ยวฟรี  และกว่าจะได้ถ่ายรูปนี้โดยที่ไม่มีคนมาบัง ก็รอนานเหมือนกันเพราะคนเยอะมาก

เสร็จแล้วก็เดินลอดใต้ถนนไปโผล่ที่แห่งนี้ เดินข้ามสะพาน Anderson สวยดีค่ะ

วิวสวยๆ ถ่ายจากฝั่งตรงข้ามของสะพาน มีสวนสาธารณะร่มรื่นดีค่ะ



จากนั้นก็เดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงสะพาน Cavenagh ที่อยู่ด้านหลังของโรงแรม The Fullerton เดินข้ามสะพานกลับไปอีกฝั่งเพื่อไปถ่ายรูปของรูปปั้นเด็กกระโดดน้ำชื่อดังที่นักท่องเที่ยวจะต้องไปถ่ายภาพตรงนี้มาให้ได้


Cavenagh Bridge

รูปปั้นริมแม่น้ำ

แมวเหมียวๆ 

เดินข้ามสะพานกลับไปอีกเพื่อไปนั่งพักหน้าตึก Asian Civilisations Museum

Asian Civilisations Museum

นั่งพักหายเมื่อยขาแล้ว ก็เดินต่อไปเรื่อยๆ ผ่านแถบ Boat Quay ก่อน ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหารทะเลริมฝั่งแม่น้ำตลอดสาย ตอนเดินข้ามไปฝั่งร้านอาหารนั้น มีคนร้องเรียกให้เข้าไปนั่งทานเยอะมาก ต้องปฏิเสธไปตลอดทาง

กลับมาอยู่ที่ฝั่งเดิมนี้กันต่อ วิวตึกสูงๆ สวยดีเหมือนกัน

ด้านหลังของตึก Asian Civilisations Museum เป็นส่วนของ Raffles Landing Site

รูปปั้นของ Sir Stamford Raffles

เดินต่อไปเรื่อยๆ เพื่อไปยังแถบ Clarke Quay

ถึงแล้วค่ะที่ Clarke Quay สีสันสดใสจริงๆ

ด้านหน้าของห้าง Central ที่ Clarke Quay สถานีรถไฟ MRT Clarke Quay ก็อยู่ในห้างแห่งนี้นี่ล่ะ แต่เราเดินชมวิวไปเรื่อยๆ ไม่ต้องขึ้นรถไฟ ร้านในห้างแห่งนี้ก็มีหลายร้านใช้ได้เลย แต่ชอบที่ Raffles City Shopping Centre มากกว่า

วิวหน้าห้างสรรพสินค้า Central

เดินเล่นในห้างไปเรื่อยๆ มีหลายชั้นเหมือนกัน พอลงมาตาก็เหลือบไปเห็นร้านแห่งนี้เข้า เลยต้องรีบเข้าไปลองชิม เพราะเป็นร้าน Ya Kun Kaya Toast ชื่อดังนี่เอง สั่งมาทาน 1 เซทแบบไม่เอาไข่ลวก + กาแฟ ในภาพเป็นขนมปังปิ้ง Kaya Toast สังขยาใบเตยแบบมีเนยใส่ข้างใน อร่อยใช้ได้ แต่รู้สึกขนมปังปิ้งจะแห้งไปหน่อย

อิ่มอาหารว่างตอนบ่ายแล้วก็เดินไปยังโรงแรม Swissotel the Merchant ใกล้ๆ ห้างเพื่อเข้าไปนั่งพักหาแผนที่เพื่อจะเดินไป Chinatown เพราะอยู่ไม่ไกลมากจาก Clarke Quay เดินไปได้ ไม่ต้องนั่งรถไฟใต้ดิน

เดินไปเรื่อยๆ ก็ถึงแล้วค่ะที่ Chinatown ตกแต่งต้อนรับปีกระต่ายอย่างสวยงาม มีผู้คนมาเดินเยอะมาก หลบกันแทบจะไม่ทัน เป็นช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีนพอดี และกว่าจะไปถึง Chinatown ก็เย็นมากแล้ว คนเลยเยอะ





ใครนั่งรถไฟ MRT มาก็เดินออกมาโผล่ตรงนี้ได้เลยค่ะ

เดินฝ่าผู้คนไปเรื่อยๆ จนมาถึงที่วัดฮินดูที่ชื่อว่า Sri Mariamman

ถ่ายภาพจากด้านนอก เพราะถ้าเข้าไปถ่ายข้างในต้องเสียค่าธรรมเนียม

เดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเพื่อเก็บภาพเต็มๆ ของวัด

แชะ แชะ ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงคนไทยคุยกัน คนไทยมาเที่ยวกันเยอะมากเลย


จากนั้นก็เดินย้อนกลับไปเพื่อไปถ่ายรูปที่วัดจีนชื่อดัง

ถึงแล้วที่ Buddha Tooth Relic Temple หรือ วัดพระเขี้ยวแก้วที่คนไทยเรียกกัน

เข้าไปถ่ายด้านในข้างล่างเสียหน่อย มีกลิ่นธูปหอมตลบอบอวล

รูปปั้นด้านหน้าวัด

จากนั้นก็เดินข้ามถนนไปเพื่อไปหาน้ำทานที่ Maxwell Food Centre

ถึงแล้ว....คนเยอะมาก หาที่นั่งดื่มน้ำข้างในไม่ได้เลย เลยออกมายืนดื่มน้ำมะนาวข้างนอก ไปถึงก็ 6 โมงเย็นแล้ว ร้านข้าวมันไก่ชื่อดัง Tian Tian Hainanese Chicken ปิดไปแล้ว เลยไม่ได้ลองชิมเลย อ่านมาว่าปิดทุกวันจันทร์ แต่วันอาทิตย์เย็นๆ ก็ปิดร้านแล้วเรียบร้อย สงสัยขายดีจัดจนอาหารหมดร้าน

ได้เวลาเดินกลับไปที่พักที่โรงแรม ถ่ายรูปวัดจีนจากฝั่งนี้เสียหน่อนก่อนกลับ


ดูจากแผนที่เพื่อเดินกลับไปโรงแรมที่พักที่ Swissotel the Stamford  เดินขึ้นไปตามถนน South Bridge Road ไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็ได้กลิ่นเหม็นๆ เหมือนกัน สิงคโปร์ขึ้นชื่อว่าสะอาด แต่ที่ถนนสายนี้แหละเห็นขยะเกลื่อนหน่อยๆ และเหม็น

เดินมาเรื่อยๆ ผ่าน Boat Quay เลยถ่ายรูปมาอีกทีสำหรับวิวตอนค่ำ ๆ มีผู้คนมานั่งทานร้านอาหารริมแม่น้ำเต็มไปหมด ร้านอาหารทะเล Jumbo Seafood ชื่อดังก็อยู่ที่นี่ค่ะ ยังไม่ได้ไปลองทาน แต่คราวหน้าถ้าได้มาอีกคงไม่พลาดแน่

ก่อนกลับขึ้นห้องพักที่โรงแรม ก็ไปหาซื้ออะไรมาทานตอนเย็นเสียหน่อยจากร้านอาหารในห้าง Raffles City ที่อยู่ติดกับโรงแรมที่พัก สะดวกดีที่พักที่โรงแรมนี้
ถ่ายภาพวิวตอนกลางคืนจากระเบียงโรงแรมของห้องพัก วิวแสงสีไฟสวยดีจัง

ซื้อไก่และเบอร์เกอร์จากร้าน Mos Burger มาทานค่ะ คนนั่งทานที่ร้านเยอะมาก

รสชาติต่างจาก KFC แต่อร่อยใช้ได้เลยค่ะ

ทานอิ่มแล้วก็เข้านอนเพราะเดินขาลากทั้งวันเลย ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ แล้วเจอกันใหม่อีกครั้งเมื่อมีเวลาเขียนสำหรับวันที่ 3 และ 4 ในสิงคโปร์ค่ะ ขอบคุณค่ะ