29 ม.ค. 2555.....วันนี้เป็นวันแรกที่บินมาถึงลาสเวกัส เครื่องบินบินมาถึงตอนช่วงเช้าสายๆ คราวนี้ไม่บินมาลงช่วงดึกๆ เหมือนที่ผ่านมาเพราะอ่านมาว่าถ้าได้ check-in ที่โรงแรมช่วงระหว่างวัน มีสิทธิ์ที่จะได้ upgrade ห้องฟรี (ถ้าพนักงานใจดี และมีห้องเหลือเยอะ) มิน่าล่ะที่ผ่านมาเคยจองห้องแบบเตียง King ไว้ พนักงานกลับบอกว่า Sold out ทั้งๆ ที่จองแบบนี้ไว้ อย่างคราวที่แล้วยังได้วิวห้องพักแบบที่จองไว้ แต่เตียงนอนได้แบบเตียง Queen 2 เตียงแทน การจองห้องพัก โรงแรมจะไม่รับประกันว่าจะได้เตียงนอนแบบที่ต้องการเสมอไป แต่ได้วิวที่ต้องการแน่นอนเพราะได้จ่ายราคาสำหรับห้องพักที่มีวิวแบบนั้นไปแล้วเรียบร้อย ถ้าวิวสวยหน่อยอย่างวิวน้ำพุ ราคาก็จะสูงหน่อย
ครั้งนี้เลือกใช้บริการรถ Shuttle Bus รับส่งไปกลับสนามบิน-โรงแรม จะได้ไม่ต้องมารำคาญใจกับการนั่ง taxi เหมือนครั้งก่อนๆ ที่ส่วนใหญ่คนขับจะไม่ค่อยซื่อสัตย์เหมือนที่เคยได้เล่ามาแล้วใน blog เก่าๆ ที่เคยเขียนไว้ การใช้บริการของรถ Shuttle Bus ก็ให้ไปติดต่อที่ Counter ได้เลย เลือกบริษัทได้ตามใจชอบ แต่ Terminal ที่เครื่องบินของเราได้จอดลง มีอยู่แค่ Counter ด้านหน้าที่เดียวเท่านั้น ถ้าได้ลงอีกที่ Terminal หนึ่ง จะมี Counter จากหลายบริษัทอยู่ด้านนอกสนามบิน ตรงประตูทางเข้าออก
เคาร์เตอร์ที่เราไปจองครั้งนี้สะดวกมาก เพราะจองแบบไปกลับเหมือนที่เคยทำ แต่ครั้งนี้พนักงานบอกว่าขากลับไม่ต้องโทรมายืนยันล่วงหน้า 1 วันอีก พนักงานจะถามว่า ขากลับ Flight บินเวลาอะไร พนักงานก็จะแนะนำเวลาที่รถ Shuttle ควรจะไปรับที่โรงแรมให้ ต้องเผื่อเวลาไว้หน่อยนะคะ เพราะรถจะต้องไปรับลูกค้าที่โรงแรมอื่นๆ อีก
จากนั้นพนักงานก็จะให้ตั๋วมาทั้งไปและกลับ สะดวกมากที่ไม่ต้องโทรไปแจ้งยืนยันและนัดเวลาขากลับอีกต่อไป แต่ไม่แน่ใจว่าของบริษัทอื่นระบบได้เปลี่ยนมาเป็นอย่างนี้หรือเปล่านะคะ เวลาซื้อตั๋วก็ให้ฟังพนักงานที่ออกตั๋วให้ดีๆ แล้วกันค่ะว่า ถ้าซื้อแบบไป-กลับ ยังต้องโทรมาแจ้งก่อนวันกลับอีก 1 วันหรือไม่ ค่ารถไป-กลับสำหรับโรงแรม Vdara ประมาณคนละ US$ 13 ค่ะ ยังไม่รวมทิปนะคะ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ที่ได้มาเยือนลาสเวกัส เลยเลือกพักโรงแรม Vdara เพราะเคยอ่านรีวิวและดูภาพมาว่าเป็นโรงแรมที่ตกแต่งทันสมัยและไม่มีคาสิโนจึงไม่มีกลิ่นควันบุหรี่ให้สูดดมเหมือนโรงแรมอื่นๆ ที่ตั้งของโรงแรมจะอยู่อีกด้านของถนนใจกลาง Strip แต่การเดินไปสู่ถนนใจกลาง Strip ไม่ยากเลยค่ะ เพราะโรงแรมตั้งอยู่ข้างๆ โรงแรม Aria ในเครือเดียวกัน สามารถเดินเข้าไปในโรงแรม Aria แล้วเข้า Crystal Shopping ใน City Center แล้วก็จะถึงถนนใจกลาง Strip ค่ะ
อีกทางเลือกหนึ่งก็คือให้เดินเข้าไปในทางเดินในโรงแรมที่เชื่อมต่อระหว่างโรงแรม Vdara และ Bellagio ค่ะ เดินไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงโรงแรม Bellagio แล้ว หรือจะเดินไปขึ้นรถ Tram ฟรีได้ค่ะที่วิ่งระหว่างโรงแรม Bellagio-City Center/Aria-Monte Carlo
ถ้าจะเดินออกไปยังถนนใจกลาง Strip ก็ให้เดินผ่านเข้าไปใน Bellagio ได้เลยค่ะ แล้วออกทางประตูด้านหน้าโรงแรม อ่านรีวิวบางคนบ่นว่า โรงแรม Vdara ที่ตั้งใจกลาง Strip แต่ไม่ดีและเดินไกล แต่สำหรับเราคิดว่าที่ทำเลของโรงแรมดีมาก สะดวกดี และถ้าใครไปลาสเวกัสก็ต้องเดินเยอะอยู่แล้ว โรงแรมหลายที่กว่าจะเดินถึงห้องพักก็ต้องเดินผ่านคาสิโน 10-15 นาที บางโรงแรมใหญ่มาก ขึ้นลิฟท์ไปแล้วก็ยังต้องเดินไปตามทางเดินอีกไกลเหมือนกันค่ะ แต่ที่ Vdara ไม่มีคาสิโน เลยเดินถึงห้องพักเร็วมากค่ะ
ตอนจองห้องพักที่ Vdara จองแบบห้องพักมาตรฐานแบบธรรมดา แต่ห้องที่นี่จะเป็นแบบ Deluxe หมดนะคะ ขนาดห้องจะใหญ่ทุกห้อง เราอยากได้ห้องที่อยู่ชั้นสูงๆ หน่อยและวิวสวยๆ แต่ไม่อยากจ่ายเงินเพิ่ม เลยคาดหวังว่าจะได้ upgrade ฟรี และหน้าที่นี้ยกให้เป็นของแฟนค่ะ เราไม่ได้ขอพนักงานแบบตรงๆ แต่แฟนพูดคุยเป็นมิตรกับพนักงานที่ check-in และบอกว่ามาพักที่โรงแรมนี้เป็นครั้งแรก และได้ติดตามข่าวสารของโรงแรมจากเฟสบุ๊คอีกด้วย พนักงานใจดีมาก upgrade ให้เรา 2 คนได้ห้องเห็นวิวบางส่วนของน้ำพุโรแรม Bellagio และได้ชั้นที่ 31 (ห้อง#31038) ค่ะ วิวสวยมากเลยและหน้าต่างเยอะมากค่ะ ชอบมากถูกใจสุดๆ ครั้งนี้โชคดีจัง
แต่ความโชคดีก็มากับโชคไม่ดีเหมือนกันค่ะ เพราะแฟนมีอาการเจ็บหลังก่อนบิน 1 วันเนื่องจากไปเอื้อมหยิบของในกระโปรงท้ายรถผิดท่า วันแรกเจ็บหลังมาก เลยไม่ได้เดินเที่ยวมากนักค่ะ เลยเดินสำรวจเฉพาะโรงแรม Vdara และ Aria ใกล้ๆ เท่านั้นค่ะ มาดูภาพห้องโรงแรมกันเลยนะคะ
ด้านหน้ามีห้องครัวเล็กๆ แต่ไม่มีจานชามให้นะคะ ต้องแจ้งก่อนล่วงหน้าพนักงานถึงจะจัดมาให้
มีโต๊ะเล็กๆ ให้นั่งทานอาหารได้ด้านหน้าทางเข้าห้องค่ะ
เตียงนอน นอนนุ่มสบายมากค่ะ อยู่ข้างหน้าต่างหลายบานใหญ่ วิวสวยมากค่ะ
ห้องนั่งเล่นค่ะ จะอยู่ตรงข้ามกับเตียงนอนโดยมีที่คั่นระหว่างกลางแบบในภาพค่ะ
ห้องน้ำตกแต่งทันสมัย
มีห้องแยกต่างหากสำหรับที่อาบน้ำแบบยืน และอ่างอาบน้ำก็ลึกดีค่ะ
ห้องน้ำจะอยู่ข้างเตียงนอนเลยค่ะ สะดวกดี
วิวบางส่วนจากห้องพักค่ะ จะเห็นวิวน้ำพุของโรงแรม Bellagio ค่ะ โชคดีมากค่ะที่ได้วิวนี้โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
วิวอีกส่วนหนึ่งจากห้องพักค่ะ
ห้องนั่งเล่น
สำหรับห้องพักแบบที่มีที่คั่นกลางห้องแบบนี้ ปลายเตียงจะมีทีวีจอแบนอีกจอค่ะ
วิวจากห้องพักตอนที่น้ำพุกำลังเต้นระบำค่ะ
หน้าต่างในห้องพักมีหลายหน้าต่างและบานใหญ่มากค่ะ ทำให้เห็นวิวในมุมกว้างได้สวยมาก
ทางเดินหน้าห้องพักชั้น 31 ค่ะ
ไปเดินเล่นที่โรงแรมข้างๆ ชื่อ Aria ค่ะ เคยไปพักตอนไปเที่ยวครั้งที่ 2 ค่ะ ภาพนี้เป็นมังกรทำจากช็อกโกแลตอยู่ด้านข้างร้านสุดโปรด Jean Philippe Pâtisseries...3 ครั้งก่อนที่ได้ไปมาจะเป็นแบบดอกไม้ค่ะ
การตกแต่งภายในโรงแรม Aria ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน
ไปมุงดูเค้กหลากหลายสุดอร่อยจากร้านโปรด Jean Philippe Pâtisseries น่าทานทั้งนั้น
Jean Philippe Pâtisseries สาขาในโรงแรม Aria ค่ะ อีกร้านหนึ่งอยู่ในโรงแรม Bellagio ค่ะ
ยังไม่ได้ซื้อเค้กค่ะเพราะเดินไปที่เคาร์เตอร์หน้าร้านอาหาร Skybox ในโรงแรม Aria ก่อนค่ะ ซื้อกลับมาทานที่ห้องพัก ในภาพเป็น Skybox Burger ของแฟนค่ะ อร่อยมากค่ะ เคยอ่านรีวิวแล้วหลายคนบอกว่าอร่อยเลยต้องลองค่ะ
ของเราสั่ง Fish Tacos มาทานค่ะ อร่อยมาก
และนี่ก็คือเค้กชิ้นๆ เล็กๆ 2 ชิ้นที่ซื้อมาจากร้านสุดโปรดในดวงใจ Jean Philippe Pâtisseries ชิ้นละ US$6.90 แพงเหมือนกันแต่อร่อยมากสมราคาค่ะ ไปลาสเวกัสทีไรต้องไม่พลาดของหวานจากร้านนี้ทุกครั้งค่ะ ที่จริงอยากทานเค้ก Opera สุดโปรดก่อนแต่ดันหมดเร็วค่ะ เลยเลือก 2 ชิ้นนี้มาแทน อร่อยมาก บางทีเจอพนักงานชายสูงอายุชาวฝรั่งเศส เค้าเป็นมิตรมากค่ะ พอจ่ายเงินเสร็จ เค้าจะยิ้มแย้มและโบกมือบ๊าย บาย น่ารักมากค่ะ จำหน้าเค้าได้เพราะตอนไปครั้งที่ 2 เค้าเป็นคนทำเครปสุดอร่อยให้ค่ะ
ชอบถ่ายรูปอาหารของหวานอร่อยกับวิวสวยๆ ที่ห้องพักค่ะ
วิวสวยๆ จากห้องพักตอนใกล้ค่ำค่ะ สวยมาก
จบวันแรกแต่เพียงเท่านี้ค่ะ หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่สนใจอยากไปพักที่โรงแรม Vdara แห่งนี้นะคะ ครั้งหน้าจะมาเขียนต่อสำหรับวันที่ 2-3 และ วันที่ 4 ตอนไปเที่ยวที่ Grand Canyon South Rim นะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ
0 comments:
Post a Comment