เสาร์ 22 มกราคม 2554
การเดินทางมาสิงคโปร์ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เลยอดที่จะตื่นเต้นนิดหน่อยไม่ได้ เมื่อก่อนไม่เคยมีความคิดที่จะมาเที่ยวสิงคโปร์เลยเพราะคิดว่าเป็นเกาะเล็กๆ คงไม่มีอะไรให้ดูมากนัก แต่พอมาถึงที่นี่แล้ว ก็ต้องเปลี่ยนความคิดเดิมนั้นไป เพราะสิงคโปร์ถือเป็นประเทศที่น่าเที่ยวมากที่หนึ่ง การเดินทางสะดวกสบาย บ้านเมืองดูสะอาดและปลอดภัย อาหารก็มีหลากหลายและรสชาติอร่อยมาก เหมือนสวรรค์บนดินบนเกาะเล็กๆ แห่งนี้ เป็นประเทศที่จะต้องกลับมาเยือนอีกครั้งแน่นอนเพราะชอบที่นี่มาก ใครที่ยังไม่เคยไปเยือนสิงคโปร์เลยให้หาโอกาสไปเที่ยวให้ได้นะคะ
เมื่อไปถึงสนามบิน Changi ที่สิงคโปร์แล้ว ก็เดินตามป้ายไปเพื่อไปผ่านตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋า แต่ก่อนที่จะผ่านต.ม. ที่สิงคโปร์ เจอด่านตรวจกระเป๋าถือ ก็งงเล็กน้อยว่าทำไมมีด่านนี้อีก เพราะไปมาหลายสนามบิน พอถึงสนามบินก็ไม่ต้องผ่านด่านแสกนอะไรอีก แต่ก็ไม่มีอะไร ผ่านด่านไปได้อย่างรวดเร็ว
เดินไปซักพักก็ถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ให้เข้าได้ช่องละ 1 คน ไม่เหมือนที่แคนาดาที่สมาชิกในครอบครัวสามารถเดินเข้าไปพร้อมกันได้เลย ผ่านตรวจคนเข้าเมืองไปได้อย่างดี เจ้าหน้าที่ไม่ได้ถามอะไรเลย เสร็จแล้วก็ไปรอรับกระเป๋า แล้วเดินตามป้ายไปที่ Terminal 1 เพื่อจะไปซื้อบัตรขึ้นรถ Shuttle Bus ไปยังโรงแรมที่พัก ถ้านั่งรถไฟ MRT ราคาจะถูกกว่าเยอะ แต่ที่ตัดสินใจนั่ง Shuttle Bus เพราะต้องการที่จะชมเมืองระหว่างเดินทาง
พอเดินไปถึง Terminal 1 เห็นมีเคาเตอร์จองที่นั่งรถ Shuttle Bus ของ Woodlands Transport Service เลยซื้อตั๋วรถ 2 ใบ คนละ SGD 9 ต่อคน ต่อเที่ยว ตอนซื้อเจ้าหน้าที่จะถามว่าไปลงที่โรงแรมไหน และจะบอกว่าต้องใช้เวลารอกี่นาที และจะให้สติกเกอร์มาติดเสื้อว่าเป็นลูกค้าของรถ Shuttle Bus จากนั้นก็ให้ไปนั่งรอที่เก้าอี้แถบใกล้ๆ พอถึงเวลาจะมีคนขับรถมาถามว่า ใครไปโรงแรมนี้บ้าง
ระหว่างทางผ่านพื้นที่สีเขียว มีต้นไม้เล็กใหญ่หลายต้น มองไปทางซ้ายมือจะเห็นสวนสาธารณะริมอ่าวทอดเป็นแนวยาว มีผู้คนมากมายออกมาเดินเล่น ทำกิจกรรม เล่นกีฬาต่างๆ บางพื้นที่ก็มีร้านอาหารหลากหลายให้เลือกเข้าไปนั่งทาน ดูบรรยากาศดีมากเพราะติดทะเล ดูร่มรื่นสวยงามดี
ครั้งนี้เราไปพักกันที่โรงแรม Swissotel the Stamford เป็นตึกขาวสูง 71 ชั้น ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมากเพราะติดกับห้าง Raffles City ที่ใหญ่มาก และชั้นใต้ดินมีสถานีรถไฟ City Hall MRT อยู่
ได้พักที่ห้องแบบธรรมดา แต่โชคดีที่ได้ upgrade ฟรีเป็นห้องที่มีวิวสวยงามที่สุด เพราะจากห้องจะเห็นวิวของโรงแรม Marina Bay Sands, สะพาน Helix, Singapore Flyer, Suntec City, Esplanade Theatre หรือ ตึกทุเรียน วันแรกที่ไปถึงก็เย็นแล้ว อากาศไม่แจ่มใสเท่าไหร่เพราะใกล้จะค่ำแล้ว
วิวจากห้องโรงแรมที่พัก ชั้นที่ 48 (ห้อง#4871)
มองลงมาด้านล่างจากระเบียงห้องพัก
War Memorial Park ถ่ายจากระเบียงห้องพัก
หลังคาสีออกแดงๆ เป็นส่วนของโรงแรม Raffles
เตียงนอนขนาดใหญ่ นอนนุ่มสบายใช้ได้
ทีวีจอแบนขนาดใหญ่
เอาของวางไว้ในห้องพักเรียบร้อยแล้วก็เดินออกไปยังห้าง Raffles City ที่อยู่ติดกับโรงแรมเพื่อไปทานอาหารเย็น ระหว่างทางเดินในห้างเจอรำแบบจีนๆ เลยถ่ายภาพมา 1 ภาพ สวยงามดีค่ะ
ห้าง Raffles City ใหญ่ดี มีหลายชั้น มีอาหารให้เลือกทานเยอะมาก มีชั้นบนที่ Food Terrace และ ชั้นใต้ดิน Marketplace
เราขึ้นไปทานที่ Food Terrace มีอาหารให้เลือกหลากหลายมากจากหลายร้าน และสุดท้ายก็มาลงเอยที่ร้าน Roasted Deluxe ภาพข้างล่างนี้เป็นข้าวหน้าเป็ด ราดซอสอร่อยมาก "Rice topped with Char Siew roasted duck" ราคา SGD 5.80
จานนี้เป็นบะหมี่หมูกรอบ อร่อยมากอีกเช่นเดียวกัน "Egg Noodles with Char Siew Pork" ราคา SGD 5.50
เสร็จแล้วลงไปชั้นใต้ดินที่ Marketplace มี Supermarket ชื่อ Jasons Market Placeและร้านอาหารให้เลือกนั่งมากมาย เจอร้าน Awfully Chocolate เห็นคัพเค้กน่าทานดี เลยซื้อมา 1 ชิ้นเอากลับมาทานที่ห้องพักที่โรงแรม ชิ้นหนึ่งราคาSGD 4.90 ค่อนข้างแพงเหมือนกัน แต่อร่อยมากค่ะ
วิวตอนกลางคืนจากห้องโรงแรมที่พักสวยงามมากๆ
ทานของหวานอิ่มแล้ว ก็เริ่มเดินชมวิวตอนกลางคืน เริ่มจากเดินผ่าน CityLink Mall ซึ่งเชื่อมทางเดินระหว่างสถานีรถไฟ MRT และห้างต่างๆ ที่ CityLink Mall มีร้านให้ shopping และร้านอาหารให้เลือกทานมากมาย น่าเดินมากค่ะ
เราเดินไปที่ Suntec City Mall เป็นแห่งแรกเพราะต้องการที่จะไปดูโชว์แสงสีไฟและสัมผัสน้ำพุที่ Fountain of Wealth ด้านหน้ามีตกแต่งต้อนรับปีกระต่ายน่ารักมากค่ะ
เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ แล้วก็จะเจอ Fountain of Wealth ไปถึงก็เกือบ 3 ทุ่มครึ่งพอดี ได้ชมแสงสีไฟจากน้ำพุนิดหน่อย แล้วก็ต่อแถวเพื่อเข้าไปสัมผัสน้ำพุค่ะ ใครมาสิงคโปร์ไม่ควรพลาดที่นี่เด็ดขาดนะคะ เพราะที่นี่เป็นจุดของฮวงจุ้ยที่ดีที่สุดค่ะ
เข้าไปแล้วให้อธิษฐานขอพรในใจ แล้วเดินวนรอบน้ำพุข้างใน 3 รอบ โดยเอามือขวาสัมผัสน้ำพุตลอดค่ะ เชื่อกันว่าถ้าใครได้ทำแล้วจะมีโชคดีและรวยค่ะ ขอให้เป็นจริงเถิด
เสร็จแล้วเดินเข้ามาในห้าง Suntec City ผ่านสวน Koi Garden ไม่มีอะไรมากนัก แต่มีปลาตัวใหญ่ๆ ในสระน้ำหลายตัวค่ะ
และเดินไปเรื่อยๆ หาทางออกข้างนอกเพื่อไปแถบโรงแรม Marina Bay Sands
เดินบนสะพาน Helix ข้ามไปยังโรงแรม Marina Bay Sands
ข้างๆ จะเห็นวิวของ Singapore Flyer เราไม่ได้ขึ้นกระเช้าเพราะต้องจ่ายแพง วิวจากห้องพักที่โรงแรมก็สุดยอดอยู่แล้วค่ะ เลยไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินขึ้น Singapore Flyer และ Skypark ที่ Marina Bay Sands Hotel
สะพาน Helix แบบใกล้ๆ เข้ามาอีกนิด
ต้นปาล์มริมอ่าวแถบ Marina Bay Sands Hotel
เดินเล่นริมอ่าวรอบใหญ่เพื่ออ้อมกลับไปอีกฝั่งเพื่อที่จะไป Merlion Park ค่ะ เกือบจะห้าทุ่มแล้ว แต่ผู้คนยังคึกคักอยู่เลยค่ะ และดูปลอดภัยดีค่ะ
ผ่านโรงแรม Bayview Hotel เลยแวะเข้าไปดูเสียหน่อย ดูหรูดีค่ะ
เดินถ่ายภาพไปเรื่อยๆ
และแล้วก็มาถึง Merlion Park สิงโตทะเลอันเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของสิงคโปร์ ใครมาสิงคโปร์แล้วไม่ได้มาถ่ายภาพตรงนี้ก็จะเหมือนมาไม่ถึงสิงคโปร์นะคะ
ด้านข้างจะมองเห็นตึกทุเรียน Esplanade
ด้านหลัง Merlion เป็นโรงแรมชื่อดัง Fullerton
Merlion ตัวลูก
ตึกทุเรียน หรือ Esplanade
เดินกลับมาถึงโรงแรมประมาณเที่ยงคืนพอดี ภาพนี้ถ่ายหน้าลิฟท์ชั้นห้องพักที่ 48
ก่อนออกไปเดินชมวิวยามค่ำคืน ไปซื้อขนมปังรส Banana Walnut ที่ Jasons Market Place ชั้นใต้ดินที่ Marketplace ในห้าง Raffles City เพราะอ่านมาว่า อร่อยมากและที่ไทยหรือที่แคนาดาไม่มีขายรสนี้ค่ะ แนะนำให้ซื้อทานเลยค่ะ เพราะอร่อยมากๆ และหายากด้วยค่ะ วันต่อมาจะไปซื้อเพิ่ม หาไม่เจอเลยค่ะ ไปดูที่ร้านอื่นๆ ก็ไม่มีรสนี้เลยค่ะ คราวหน้าถ้าเจออีกจะหยิบมาหลายๆ ถุงเลย ทานเป็นอาหารเช้า อิ่มอร่อย ประหยัดไปได้ทุกมื้อตอนเช้าค่ะ ราคาแค่ SGD 2.95 เท่านั้นค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ พยายามจะเขียนรายละเอียดให้มากหน่อยเผื่อใครที่อยากไปเที่ยวสิงคโปร์จะได้อ่านเป็นแนวทางในการท่องเที่ยวได้ค่ะ ยังมีต่ออีกนะคะของวันที่ 2,3, และ 4 แต่ยังเขียนไม่เสร็จค่ะ ใครสนใจก็แวะเข้ามาดูได้เรื่อยๆ นะคะ ขอบคุณค่ะ
