Thursday, June 19, 2014

เที่ยวอังกฤษ วันที่ 1 ตอน...เข้าพักที่โรงแรมตอนบ่าย และ เดินเล่นชมวิวบางส่วนในลอนดอน

จันทร์ 17 มีนาคม 2557

ที่พักที่โรงแรม Park Plaza Westminster Bridge (คลิ๊กที่ภาพเพื่อดูภาพใหญ่ได้ค่ะ)

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มาเที่ยวที่อังกฤษ ก่อนมาก็ศึกษาข้อมูลและค้นคว้ามาเป็นอย่างดีว่าควรจะไปเที่ยวที่ไหนบ้างและจะไป-กลับอย่างไร ส่วนใหญ่จะใช้วิธีเดินเที่ยวและนั่งรถไฟใต้ดินในลอนดอน ชอบระบบสาธารณะขนส่งในลอนดอนเป็นอย่างมากเพราะนั่งรถไฟไปได้ถึงทุกที่ที่อยากไป และเดินเที่ยวโดยที่ไม่มีการหลงทางแต่อย่างใด จนแฟนประทับใจเพราะเรานำเที่ยวพาไปที่ต่างๆ อย่างคล่องแคล่วเหมือนกับว่าเคยอาศัยอยู่ที่ลอนดอนมาก่อน จริงๆ เรามีเวลาค้นคว้าข้อมูลมาประมาณ 4 เดือน และศึกษาการเดินทางด้วย google map และใช้แบบ street view เปรียบเสมือนได้เดินเที่ยวเองจริงๆ ในลอนดอน และพยายามจำสถานที่ว่ามีที่ไหนเด่นบ้างเวลาต้องเจอทางแยกต่างๆ พอถึงวันที่ได้ไปเที่ยวจริง จึงเดินเที่ยวได้โดยที่ไม่หลงทางเลยและไม่ต้องใช้แผนที่ช่วย
 
เรามีเวลาอยู่อังกฤษแค่ 8 วัน แต่มีเวลาเที่ยวจริงๆ แค่ 7 วันเพราะวันเดินทางกลับต้องออกจากโรงแรมแต่เช้า เวลาเที่ยวถิอว่ามีน้อย เที่ยวได้ไม่ทั่วถึงทุกแห่งแต่ก็จัดเวลาไปเที่ยวได้หลายที่มากทั้งที่เดินทางไปเองและซิ้อทัวร์เที่ยวนอกลอนดอนแบบเช้าไปเย็นกลับ
 
วันแรกเราบินมาถึงที่ลอนดอนประมาณ 10 โมงเช้า กว่าเครื่องบินจะได้บินลงจอดก็ใช้เวลาบินวนอยู่ 3 รอบเพราะสนามบินการจราจรทางอากาศคับคั่งมาก หลังจากเครื่องบินลงจอดแล้ว ก็ใช้เวลาผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองประมาณ 15 นาที เร็วมากเลย ตอนแรกนึกว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง คงจะเป็นเพราะวันนั้นโชคดีมาก ทุกอย่างเลยรวดเร็วและผ่านพ้นไปด้วยดี แต่ผลเสียก็คือ ต้องรอรถและคนขับที่จองไว้ให้มารับที่สนามบินประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงเพราะแจ้งทางบริษัทไว้ว่าให้ส่งคนมารับประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งหลังจากที่เครื่องบินได้ลงจอดแล้ว ที่เผื่อเวลาไว้เยอะเพราะคิดว่าจะใช้เวลาตรวจคนเข้าเมืองมากตามที่อ่านประสบการณ์ของคนหลายๆ คน โชคดีที่คนขับรถมาถึงก่อนเวลาที่แจ้งไว้ครึ่งชั่วโมงเลยไม่ต้องรอนานมากจนเกินไปเพราะเริ่มเบื่อแล้ว สนามบิน Terminal 3 ตอนขาเข้าไม่มีอะไรให้ทำมากเท่าไหร่นัก น่าเบื่อมากๆ แต่ตอนขาออกมีอะไรให้ทำและดูมากกว่า
 
บางคนถามว่าทำไมไม่นั่งรถไฟเข้าเมืองลอนดอนเองเพราะราคาถูกกว่า จึงตอบไปว่าเพราะไม่สะดวกเท่าไหร่และต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟในตัวเมืองอีก 1 ครั้งและต้องเดินลากกระเป๋าทุลักทุเล โดนถามต่ออีกว่า แล้วทำไมไม่แพคกระเป๋าให้เล็กๆ เบาๆ ล่ะ ก็แหม ไปเที่ยวทั้งทีก็เอากระเป๋าใบใหญ่หน่อยสิ ถ้าเอาใบเล็กหรือแบกเป้ไป กลัวว่าจะใส่ของขากลับไม่หมด แค่เอาเสื้อผ้าไปสำหรับ 1 อาทิตย์ก็เยอะแล้ว ไปเที่ยวทั้งทีไม่อยากมามัวแต่คิดแต่เรื่องประหยัดมากจนเกินไปนัก ขอเอาความสะดวกไว้ก่อน และนั่งเครื่องบินมาทั้งคืนประมาณ 8 ชั่วโมงก็เหนื่อยและเพลียมากอยู่แล้ว นอนหลับก็ไม่ได้เต็มอิ่มมาก เลยอยากนั่งรถจากสนามบินไปส่งถึงที่โรงแรมเลยเพราะจะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไป
 
และถ้านั่งรถไฟออกจากสนามบินแบบที่ไม่ใช้ของ Heathrow Express ก็ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเหมือนกันอยู่แล้ว เลยขอจ่ายเพิ่มดีกว่าจะได้พักผ่อนในรถไปด้วย 
 
ก่อนมาก็รู้ว่าถ้านั่ง London Taxi หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า Black cab นั้นราคาแพงมากเพราะใช้เวลาเดินทางจากสนามบินมาถึงที่โรงแรมประมาณ 1 ชั่วโมงได้ จึงได้มองหาทางเลือกอื่นที่สะดวกและราคาไม่แพงมากจนเกินไป นั่นก็คือ การจองบริการรถ Minicab อ่านรีวิวมาหลายที่มากมีทั้งดีและไม่ดี แต่ของอย่างนี้ก็ต้องเสี่ยงดวงด้วยเพราะอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ไม่มีอะไรในโลกที่จะดีเยี่ยมไปเสียทุกอย่าง ในที่สุดก็เลือกบริการของ ExclusiveAirports ให้มารับที่สนามบิน และเลือกบริษัทของ JustAirports ให้มารับที่โรงแรมตอนขากลับ
 
ตอนแรกว่าจะเลือกแค่บริษัท JustAirports อย่างเดียวเพราะรีวิวส่วนใหญ่ดีใช้ได้ แต่พอมาอ่านรายละเอียดดูให้ดีอีกที บริษัทนี้ชาร์จค่าจอดรถที่สนามบินเพิ่มอีกต่างหาก  แต่ของบริษัท ExclusiveAirports ไม่มีการชาร์จเพิ่มถ้าเรามาทันเวลาตามที่เราได้นัดหมายไว้ ดังนั้นเราจึงเลือกใช้บริการของ ExclusiveAirports แทนโดยจองล่วงหน้าทางเวบของบริษัททั้ง 2 แห่ง
 
ตอนจองให้รถมารับที่สนามบิน ได้ตัดสินใจจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตเลยเพราะจะได้ส่วนลดเพิ่ม เพราะคิดว่าถ้ามีล่าช้าอย่างไรเราก็มีเวลารออยู่ที่สนามบินอยู่แล้ว ส่วนตอนขากลับได้ระบุไปว่า จะจ่ายเงินสดให้ในวันที่กลับเลย เพราะกลัวว่าวันกลับถ้าจ่ายผ่านบัตรให้ไปก่อน ถ้ารถมาช้าหรือลืมมารับจะเกิดปัญหาได้เพราะต้องรีบไปสนามบินให้ทันเวลา บริการของทั้ง 2 บริษัทผ่านพ้นไปอย่างด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร คนขับมารับตามเวลาที่กำหนดและสุภาพดี
 
เวลาจองชนิดของรถที่ให้มารับก็ให้ดูด้วยนะคะว่า รถประเภทนี้ระบุไว้ว่าสำหรับผู้โดยสารกี่คน มีกระเป๋าใบใหญ่กี่ใบ และกระเป๋าถือขึ้นเครื่องบินอีกกี่ใบ ถ้าาจองผิดประเภทอาจมีปัญหาได้และราคาก็จะต่างกันด้วย ของเราวันเดินทางจากสนามบินไปที่โรงแรม ราคาประมาณ £42 และขากลับราคา £35 สำหรับผู้โดยสาร 2 คน กระเป๋าใบใหญ่ 2 ใบ และกระเป๋าถืออีก 2 ใบ ราคาที่จ่ายนี้ไม่รวมทิปนะคะ ทิปก็ให้ไปตามความพอใจ เราให้ไป £5 ทั้ง 2 รอบเพราะบริการดี แต่ระหว่างเดินทางก็กลัวหน่อยเพราะรถเยอะมากและเลนแคบมากเลย เปิดกระจกเอามือไปแตะรถคันข้างๆ ได้สบายเลยเชียวค่ะ
 
เราเลือกพักกันที่โรงแรม Park Plaza Westminster Bridge เพราะอยากพักแถวนั้น และโรงแรมอยู่ใกล้สถานีรถไฟ Waterloo เดินไป 5 นาทีถึง และตอนเช้าและเย็นก็จะเห็น Big Ben และ London Eye ทุกวันเลย
 
วิว Big Ben ถ่ายจากหน้าโรงแรมที่พัก Park Plaza Westminster Bridge

โรงแรมนี้ราคาค่อนข้างแพง ตอนแรกเราจองไว้ที่ Premier Inn County Hall อยู่ข้างๆ London Eye เลย ได้ราคาดีมากสำหรับ 7 คืน £869 Flexible rate จองไว้ล่วงหน้า 3 เดือนจึงได้ราคาดีมาก แต่ 1 อาทิตย์ก่อนเดินทางได้เข้าไปดูโรงแรมในเวบไซด์ Hotwire เพราะจริงๆ อยากลองพักทีโรงแรมของ Park Plaza มากกว่าแต่ราคาค่อนข้างแพง และแล้วก็โชคดีเพราะค้นคว้าหาข้อมูลจาก google ว่าโรงแรมที่ยังไม่เปิดเผยชื่อก่อนจ่ายเงินใน Hotwire ในกลุ่มนี้คือโรงแรมอะไร คันจนเจอข้อมูลและแน่ใจ 99.99% ว่าเป็นโรงแรม Park Plaza Westminster Bridge แน่นอน เลยเสี่ยงดวงจองและจ่ายเงินเลย
 
โรงแรม Premier Inn County Hall ข้าง London Eye  ที่จองไว้และยกเลิก
 และแล้วก็เปิดเผยออกมาว่า ใช่โรงแรมของ Park Plaza ตามที่ได้อ่านมาจริงๆ ด้วย ดีใจมากที่ไม่ต้องจ่ายราคาแพงจนเกินไป แต่ก็จ่ายเพิ่มมากว่าเรทที่ได้จองไว้กับ Premier Inn ประมาณ £200 กว่าๆ ได้ แต่ก็ดีใจเพราะอยากลองพักโรงแรมที่ใหม่และดูทันสมัยกว่า และถ้าจองห้องกับโรงแรม Park Plaza โดยตรงก็จะแพงกว่าถึง £400 ทีเดียว โชคดีที่จองเรทแบบ Flexible ของ Premier ไว้เลยยกเลิกได้โดยไม่ต้องเสียเงินอะไร
 
เนื่องจากจองเรทที่ถูกที่สุดผ่าน Hotwire จึงได้ห้องที่เบสิคของโรงแรมไปโดยปริยาย และเข้าไปดูเวบของโรงแรมมาว่า ห้องที่ถูกที่สุดเป็นห้องแบบเตียงเล็ก 2 เตียงเท่านั้นและไม่มีหน้าต่าง จึงได้อีเมลล์ไปบอกโรงแรมว่า ต้องการเตียงใหญ่ 1 เตียงเท่านั้น และทริปนี้ก็ถือเป็นการฉลองครบรอบแต่งงานล่วงหน้า ก็บอกโรงแรมไปเผื่อโรงแรมจะใจดี ก็ได้รับการยืนยันกลับมาว่าทางโรงแรมโอเคที่จะให้ห้องที่มีเตียงเดี่ยว 1 เตียงสำหรับ 2 คนซึ่งจริงๆ ราคาห้องจะต้องเพิ่มมาอีกหน่อย แต่โรงแรมไม่ได้บอกต้องเสียเงินเพิ่มเป็นอย่างใด
 
รีวิวของโรงแรมนี้มีทั้งดีและไม่ดี ที่ไม่ดีส่วนใหญ่ก็จะเป็นห้องที่ไม่มีหน้าต่างเพราะแสงไฟในห้องไม่พอ ทำให้มืดมาก และห้องที่มีวิวแบบ Internal หรือ Atrium Facing ก็ยังมีแสงสว่างไม่พออยู่ดี จริงๆ เราควรจะได้ห้องที่ไม่มีหน้าต่างเลยเพราะราคาห้องเรทต่ำสุดมีแต่ห้องประเภทนี้สำหรับ 2 เตียงเท่านั้น แต่เราขอโรงแรมไปว่าอยากได้เตียงใหญ่ 1 เตียง เลยได้ห้องแบบมีหน้าต่างแบบ Atrium facing เท่านั้น ถ้าอยากได้ห้องวิว Big Ben ต้องจ่ายราคาแพงมาก จริงๆ อยากได้ห้องวิว Big Ben เหมือนกัน แต่ไปพัก 7 คืน จ่ายไม่ไหวเพราะแพงมากจริงๆ เก็บเงินไว้ไปเที่ยวดีกว่าเพราะที่อังกฤษอะไรๆ ก็แพงไปหมดเลย
 
มาถึงที่โรงแรมประมาณตอนเที่ยง เวลา check-in โดยปกติคือบ่ายสองโมง เลยทำให้ไม่สามารถ check-in ได้ รู้สึกผิดหวังนิดหน่อยเพราะอยากเข้าพักเลยเพราะเหนื่อยและง่วงนอน เลยต้องฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน คิดในใจว่าต้องจ่ายเงินทิปเพิ่มโดยที่ไม่จำเป็นอีกแล้วเ แต่ก็ต้องทิปเวลารับกระเป๋าเพราะเป็นมารยาทอย่างหนึ่ง พนักงานบอกจะให้เอากระเป๋าขึ้นไปให้ที่ห้องก็ได้เมื่อทราบเบอร์ห้องแล้ว แต่เราสองคนบอกว่าไม่เป็นไรเพราะกลัวว่าจะนำมาให้ช้า เอาขึ้นไปเองสะดวกและรวดเร็วกว่า
 
มีเวลา 2 ชั่วโมงก็เลยออกไปเดินเล่นรอบๆ โรงแรมและหาอาหารกลางวันทานแล้วกัน ถึงจะเหนื่อยและอยากอาบน้ำล้างหน้าล้างตาเพียงใดก็ต้องอดทนเพราะต้องรอ ดีหน่อยที่ว่าโรงแรมตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวเลย ออกจากหน้าโรงแรมไปก็เห็น Big Ben แล้ว อากาศตอนเที่ยงฝั่ง Big Ben มืดครึ้มหน่อยๆ แต่อีกฝั่งแม่น้ำที่เป็นที่ตั้งของ London Eye ฟ้าแจ่มใสกว่า

 Big Ben.


London Eye and County Hall.

มีท่าเรือถึง 2 ท่าด้วยกันคือ Westminster Pier และ London Eye Millennium Pier

เดินลงบันไดจากสะพานมาหาอะไรทานแถวหน้าตึก County Hall

ทานที่ McDonald's แล้วกัน คนเยอะมาก และการจัดระเบียบเข้าแถวไม่ดีเลย ไม่รู้จะสั่งอะไรแต่อยากทานแบบถูกๆ เพราะกะว่าจะเก็บเงินไปทานเป็ดย่างชื่อดังตอนเย็นดีกว่า สั่ง Nuggets มาทาน 20 ชิ้นราคาถูกมากสำหรับทานกัน 2 คน ถ้าจำไม่ผิดราคาประมาณ £5 ได้

 
ทานอิ่มแล้วก็เดินเลยต่อไปอีกหน่อยก็ถึง London Eye แล้ว เดินเล่นแถวนั้นนิดหน่อย ยังไม่ขึ้น London Eye เพราะเหนื่อย ตั๋วที่เราซื้อมาก็สามารถใช้วันไหนก็ได้ ไม่ต้องจ่ายแพงอะไรเลยเพราะเราซื้อตั๋วล่วงหน้าราคาแบบธรรมดาทั่วไปจากเวบไซด์ Visit Britain ซึ่งมีข้อดีที่ว่า ตั๋วธรรมดานี้ไม่มีขัอจำกัดอะไร สามารถนำไปแลกตั๋วขึ้นวันไหนหรือเวลาไหนก็ได้ แถมราคายังถูกกว่าซื้อจากที่ London Eye โดยตรงเสียด้วย
 
จากนั้นก็เดินข้ามถนนไปดูของที่ระลึกและซื้อโปสการ์ดในร้าน Red Bus Shop ร้านไม่ใหญ่มากแต่มีของที่ระลึกเยอะดี และโปสการ์ดก็มีแบบให้เลือกสวยและถูกใจ ตอนจ่ายเงินพนักงานจะถามว่าต้องการแสตมป์หรือไม่ ก็เลยซื้อ International Stamp สำหรับใช้ส่งโปสการ์ดเสียเลย ง่ายและสะดวกดี

 
 หน้าร้าน Red Bus Shop มีอะไรให้ถ่ายรูปเล่นสนุกๆ ด้วย
 
เกือบถึงเวลา Check-in ตอนบ่ายสองแล้ว ที่โรงแรมมีร้านกาแฟ illy อยู่ด้านล่าง ก็เลยเข้าไปสั่งกาแฟมาดื่มแก้ง่วงและฆ่าเวลาอีกหน่อย ได้ส่วนลดด้วยเพราะสมัครสมาชิกบัตรโรงแรมของกลุ่ม Club Carlson ไว้ รู้ว่าคงไม่ได้คะแนนสะสมอะไรเพราะเราจองผ่าน Hotwire แต่ก็สมัครเผื่อไว้ โชคดีที่ได้ส่วนลดที่ร้านกาแฟในโรงแรมนี้ด้วย กาแฟอร่อยมาก ชอบดื่มของยี่ห้อนี้ พนักงานที่ร้านก็ดูเป็นมิตรดี มีพนักงานหนุ่มอิตาเลียนด้วย เจอทุกเช้าเพราะเราไปทานอาหารเช้าพวกวอฟเฟิ้ล แพนเค้ก และกาแฟทุกเช้าเลย ไม่ได้ไปทานที่ห้องอาหารของโรงแรมเพราะได้ข่าวว่าคนเยอะและแพง
 
 
ห้องพักได้ชั้น 12 ซึ่งเป็นชั้นที่สูงสุดเท่าที่ลิฟต์ที่เราขึ้นจะไปถึง แต่อ่านรายละเอียดมาว่าโรงแรมมีทั้งหมด 16 ชั้นด้วยกัน เปิดประตูห้องพักเข้าไปก็ตกใจว่าทำไมมันถึงได้มืดอะไรเช่นนี้ ถึงจะมีหน้าต่างก็ตามแต่ไม่มีวิวอะไรเพราะเป็นวิวในตัวตึก มองจากหน้าต่างขึ้นไปด้านบนเห็นเพดานมีแสงเข้ามาจากด้านนอก แต่แสงเข้ามาไม่ถึงห้องทำให้มืดมาก ขนาดเปิดไฟทุกดวงในห้องก็ยังมืดอยู่ดี แสงไฟในห้องมีไม่เพียงพอและไม่สว่างเท่าไหร่
 
ห้องพักโดยทั่วไปดูทันสมัยดี แต่ปัญหามีอย่างเดียวคือแสงสว่างไม่พอ ด้านในตู้เสื้อผ้าก็ไม่มีหลอดไฟอะไรเลย และด้านข้างตู้เสื้อผ้าก็เป็น Mini bar มองอะไรไม่ค่อยเห็นชัดมากเพราะไม่มีหลอดไฟติดเช่นเดียวกัน ทางด้านประตูทางเข้าห้องพักหน้าห้องน้ำก็ไม่มีหลอดไฟอีกเช่นเดียวกัน มืดมาก เวลาใช้ที่เป่าผมให้แห้งก็ต้องออกมาใช้หน้าห้องน้ำเพราะเสียบปลั๊กในห้องน้ำไม่ได้ มองก็แทบไม่ค่อยจะเห็นเพราะหน้าห้องน้ำไม่มีไฟเลย ต้องเปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้เพื่ออาศัยแสงสว่างจากห้องน้ำแทน
 
เมื่อมาเห็นสภาพห้องมืดและมีหลอดไฟไม่เพียงพออย่างนี้ทำให้ผิดหวังมาก ทั้งเหนื่อยมาจากการเดินทางเลยทำให้พาลไปเสียหมดจนถึงอยากจะย้ายออกทีเดียว แต่จ่ายเงินไปแล้วก็เลยทำอะไรไม่ได้มาก กะว่าจะขอจ่ายเงินเพิ่มเพื่อขอห้องที่มีหน้าต่างแสงสว่างจากภายนอก แต่ก็ล้มเลิกความคิดไปเพราะวันต่อๆ มาเริ่มชินและทำใจได้แล้ว อีกอย่างถ้าขอเปลี่ยนห้องก็ต้องจ่ายแพงเพิ่มขึ้นอีกมากเลย
 
และอีกอย่างที่ทำให้อารมณ์ดีขึ้นเพราะพนักงานโรงแรมมาเคาะประตูเพื่อนำของหวาน ช็อกโกแลตพร้อมการ์ดมาให้ ประหลาดใจปนดีใจเลยทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาก ไม่แน่ใจว่าโรงแรมมีบริการอย่างนี้ให้แขกที่มาพักทุกคนหรือไม่เพราะได้ช็อกโกแลตอร่อยๆ หลายชิ้นทีเดียว ถ้าไม่ใช่บริการตามปกติ ก็คิดว่าที่โรงแรมจัดมาให้อาจเป็นเพราะเคยอีเมลล์ไปบอกโรงแรมว่าเป็นทริปพิเศษหรือเปล่า ถึงจะไม่ได้อะไรพิเศษมากแต่แค่นี้ก็ทำให้ดีใจแล้ว
 

ห้องเตียงใหญ่สำหรับ 2 คน ไม่ใหญ่เหมือนที่ขอไว้ คิดว่าถ้าต้องการเตียงใหญ่ต้องจองห้องสตูดิโอที่มีวิวด้านนอกตึกโรงแรมอย่างเดียว ในภาพดูมีแสงสว่างเพียงพอเป็นเพราะแฟลชจากกล้อง แต่ของจริงค่อนข้างมืดมาก
 
ตู้เสื้อผ้าแบบเก๋ๆ และ Mini Bar ข้างเตียง ของจริงมืดอีกเช่นกันถึงจะมีไฟบนผนังเหนือเตียงนอนก็ตาม แต่เป็นไฟแบบที่ใช้อ่านหนังสือเท่านั้น บนโต๊ะข้างเตียงมีแผงให้ควบคุมการเปิดปิดไฟทั่วห้องได้ด้วย ทันสมัยและสะดวกดี
  
มี Wi-Fi ให้เล่นเนตได้ฟรีด้วยแต่ต้อง log in ใหม่เพื่อเข้าใช้เนตทุกวัน และใช้เนตได้เพียงครั้งละ 1 เครืองเท่านั้น อย่างเช่น 2 คนจะใช้เนตจากมือถือ 2 เครื่องไม่ได้ ไม่สะดวกตรงจุดนี้

ห้องน้ำทันสมัยดี แต่ห้องอาบน้ำฝักบัวตรงด้านล่างประตูใช้ยางอุดไม่มิด น้ำเลยกระเด็นออกมาข้างนอก ต้องหาผ้าขนหนูมาวางอุดแทน ไม่ได้แจ้งทางโรงแรมเพราะขี้เกียจเสียเวลารอและพักผ่อน และอีกอย่างแก้ปัญหาเองได้ แต่ตอนเขียนคอมเม้นต์ให้โรงแรมก็บอกถึงปัญหาและโรงแรมก็รับทราบแล้ว

ของหวาน ช็อกโกแลตอร่อยๆ พร้อมการ์ดต้อนรับเซอร์ไพรส์จากทางโรงแรม ขนมอร่อยมากๆ ทุกชิ้นเลย

อาบน้ำ สระผม ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้วก็ประมาณเกือบ 4 โมงเย็นได้ ยังเหนื่อยอยู่แต่ก็รู้สึกสดชื่นขึ้นหน่อย เลยออกไปเดินเล่นชมเมืองบางส่วนของลอนดอนซะหน่อย เดินข้ามสะพานไปถ่ายรูปหน้า Big Ben และวิวแถวๆ นั้นอีกรอบ และเดินเลี้ยวขวาไปยังถนน Whitehall ระหว่างทางก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ




จากนั้นก็แวะเข้าไปใน The Royal Horseguards เสียหน่อย ด้านหน้าไม่มีทหารม้ายืนอยู่นะ เพราะเย็นมากแล้ว เห็นแต่ขี้ม้าอย่างเดียว แต่ด้านในก็มีทหารเดินไปเดินมาอยู่ เข้าไปดูข้างในกันค่ะ  (ระหว่างทางก็จะผ่่านถนน 10 Downing street ซึ่งเป็นบ้านพักของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไม่ได้ถ่ายรูปอะไรเพราะเฉยๆ อีกอย่างได้ข่าวว่าเค้ากั้นปิดถนนไม่ให้นักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปหน้าบ้านของท่านนายกได้เหมือนแต่ก่อนแล้วค่ะ)




จากนั้นก็เดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึง Trafalgar Square และ National Gallery ไม่ได้เข้าไปชมภาพข้างในเพราะไม่มีเวลาและเย็นมากแล้ว กะว่าค่อยเข้าไปดูวันศุกร์แทนเพราะเปิดถึง 3 ทุ่มทุกวันศุกร์ แต่ผลสุดท้ายก็ไม่ได้เข้าไปชมหรอกค่ะเพราะแบ่งเวลาไปเข้าชมไม่ได้ ไว้โอกาสหน้าค่อยไปใหม่แล้วกัน







ถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจแล้วก็เดินต่อเลี้ยวไปทางขวาเดินผ่านลอดประตู Admiralty Arch เพื่อเดินตามถนน The Mall ไปยังพระราชวัง Buckingham

Admiralty Arch

ถนน The Mall ต้นไม้ยังไม่ออกใบสวยเท่าไหร่ ฝั่งตรงข้ามกับที่ยืนอยู่คือ St. Jame's Park




ถึงแล้ว Buckingham Palace คนไม่เยอะมากเพราะเวลาเย็นมากแล้ว



ขอไปยืนเกาะประตูทางเข้ากันหน่อยค่ะ

เสียดายไม่มีเชื้อพระราชวงศ์ออกมาโบกมือทักทายเหมือนที่เห็นในทีวี แต่ได้เห็นบางส่วนของ Queen Elizabeth ที่พระราชวัง Windsor นะคะเพราะพระองค์ท่านทรงขับรถมาประทับพอดี เราเลยยืนเกาะรั้วรอรับเสด็จ จะเล่ารายละเอียดอีกทีในตอนหลังๆ ค่ะ

เลี้ยวขวาเดินเข้า Green Park เพื่อที่จะเดินข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งค่ะ
 






 
เดินออกมาจากสวนแล้ว ก็จะเห็นสถานีรถไฟใต้ดิน Green Park และฝั่งตรงข้ามเป็นที่ซื้อขายของรถยี่ห้อ Infiniti และ Audi ค่ะ จากนั้นก็เลี้ยวขวาเดินต่อไปจนถึง Piccadilly Circus ค่ะ ผ่านโรงแรมหรู The Ritz Hotel ด้วยค่ะ
 
 
 

เดินมาเรื่อยๆ จนถึง Piccadilly Circus ระหว่างทางก็มีร้านอาหาร ร้านขายกาแฟของหวาน ช็อกโกแลตมากมาย แต่เป้าหมายเราคือทานเป็ดย่างชื่อดังใน Chinatown ค่ะ

ถึงแล้ว Piccadilly Circus คนเยอะมากจริงๆ เพราะได้เวลาหลังเลิกงานพอดี

ถ่ายรูปตึกโค้งๆ บนถนน Regent Street เสียหน่อยค่ะ

แสงสีไฟตระการตาแต่ตอนกลางคืนจะสวยมากยิ่งกว่านี้

จากนั้นเราก็เดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงร้านเป็ดย่างชื่อดัง Four Seasons สาขา Wardour Street ใน Chinatown อยู่ไม่ไกลมากนักจากอีกสาขาหนึ่งที่อยู่ในย่านเดียวกัน ที่เราเลือกสาขานี้เพราะอ่านมาว่าบริการดีกว่าค่ะ และเดินไปเองได้ถูกโดยไม่หลงทาง มาถึงช่วงทานอาหารเย็นรู้สึกเหนื่อยและง่วงนอนมากแล้ว แถมมีอาการปวดหัวเข้ามาอีกเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ เราเดินกันมากจนเกินไปหน่อยหลังจากที่บินมาถึงวันแรก แต่ก็คุ้มเพราะเดินชมที่่เที่ยวต่างๆ ได้หลายที่เลย วันหลังๆ จะได้มีเวลาไปเที่ยวที่อื่นๆ ได้อีก 


สั่งแบบข้าวราดหน้าเป็ดและบาร์บีคิวหมูมาทานค่ะเพราะราคาถูกดี รสชาติอร่อย แต่มีความรู้สึกเหมือนกับรับรสอร่อยได้ไม่มากนักเพราะรู้สึกเหนื่อยและไม่สบายค่ะ วันหลังจึงได้มีโอกาสกลับมาทานเป็ดที่นี่อีก ที่กลับไปอีกเพราะครั้งแรกได้เนื้อเป็ดน้อยไปหน่อย ทานไม่จุใจบวกกับเหนื่อยและไม่สบาย เลยต้องมีกลับไปทานอีกรอบสองและสั่งเป็ดมาทานครึ่งตัว อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ ค่ะ เป็ดเนื้อหนานุ่ม อ่านรีวิวมีหลายคนไม่ชอบ แต่เราเป็นส่วนหนึ่งในหลายๆ คนที่คิดว่าเป็ดที่นี่อร่อยสมชื่อค่ะ
 
 จากนั้นเดินไปถ่ายรูปใกล้ๆ ร้านเสียหน่อยจะได้รู้กันว่ามาถึง Chinatown, London แล้ว

 
เดินกลับมายัง Piccadilly Circus อีกทีเพื่อหาทางเดินกลับไปที่โรงแรม ชอบวิวตอนกลางคืนสวยดีค่ะ ผู้คนก็เยอะมาก ร้านต่างๆ ข้างทางก็คึกคักเหลือเกินค่ะ
 




ขากลับเราไม่ได้ศึกษาเส้นทางกลับแต่ไม่ยากอะไรเลยเพราะ Piccadilly อยู่ไม่ไกลมากจาก Trafalgar Square และเรารู้ว่าอยู่ทางทิศไหน เราก็เดินไปทางทิศนั้น เราเลือกเดินลงไปทางถนน Regent Street เดินไปเรื่อยๆ ทะลุผ่านเข้าสวนไปอีกฝั่งหนึ่ง และก็คุ้นๆ ว่า อ้าว นี่แถบรูปปั้นข้างทางที่เพิ่งเดินผ่านบนถนน The Mall นี่นา หลังจากนั้นก็เดินกลับเส้นทางเดิมจนไปถึงถิ่นที่โรงแรมตั้งอยู่ วิว Big Ben ตอนกลางคืนสวยงามมีมนต์ขลังจริงๆ


London Eye และ ตึก County Hall ยามค่ำคืน เปลี่ยนสีแสงไฟไปเรื่อยๆ

ระหว่างทางเดินข้ามสะพาน Westminster กลับไปยังฝั่งโรงแรม ก็มี "Charlie Chaplin" และ "Shrek" ขอจับมืออยู่เรื่อยๆ และคอยแต่ถามว่าจะถ่ายรูปด้วยมั้ย อย่าได้ไปจับมือและตกลงเป็นอันขาดถ้าไม่อยากเสียตังค์ ทุุกคืนที่เดินกลับโรงแรม เจอคนดังตัวปลอมเหล่านี้ตลอดเลย แต่พอเราบอกว่าไม่ เค้าก็ไม่ได้มายุ่งวุ่นวายอะไรมาก ไม่แย่เท่าที่เคยอ่านมา อาจจะเป็นเพราะว่าเราไปกับแฟนตัวสูงใหญ่ก็เป็นได้

 
จบการเดินทางวันแรกในลอนดอนไว้แต่เพียงเท่านี้ค่ะ เหนื่อยและไม่ค่อยสบายแต่ก็คุ้มเหนื่อยค่ะ วันแรกเป็นเพราะเหนื่อยมากเลยยังไม่ค่อยชอบลอนดอนเท่าไหร่เพราะผู้คนเดินกันสะเปะสะปะไม่มีระเบียบเลย ทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวเยอะมาก แถมหลายคนก็เดินข้ามถนนทั้งๆ ที่ไฟคนเดินข้ามยังแดงอยู่เลย แต่วันที่สองเป็นต้นไป หายเหนื่อยและไม่ปวดหัวแล้ว ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เลยรู้สึกว่าชอบลอนดอนมากเลยค่ะ คึกคัก สถานที่เก่าแก่และสวยงาม เดินทางสะดวกดีค่ะ ชอบมากเลย ขอบคุณที่ตามอ่านนะคะ ยังเหลืออีก 7 วัน แล้วมาติดตามกันต่อนะคะ สวัสดีค่ะ
 
ปิดท้ายด้วยภาพเส้นทางเดินเที่ยวจากโรงแรมที่พักไปชมที่ต่างๆ จนถึงร้านอาหารเป็ดย่างชื่อดังคะ เดินเที่ยวเยอะมากเลยสำหรับคืนแรก คลิ๊กที่ภาพเพื่อดูภาพใหญ่ได้เลยค่ะ
 
 


0 comments:

Post a Comment